Sunday, November 30, 2008

ครู

ครู

เมื่อเป็น “ศิษย์” คิดว่า...วิชายาก
ล้วนลำบากล้ำลึกเกินศึกษา
ถูกเฆี่ยน, ตีบังคับจับปากกา
ยังนึกด่า, แช่ง”ครู”อยู่มิวาย

ครั้นเติบใหญ่ใฝ่เพียรเล่าเรียนจบ
จึงค้นพบความจริงสิ่งทั้งหลาย
การเป็น”ครู”ยิ่งยากกว่ามากมาย
เหนื่อยใจ, กายแสนเข็ญไม่เว้นวาง

เขาเปรียบเทียบ “ครู” ไว้ให้พินิจ
ว่าชีวิต “ครู” เป็นเช่น “เรือจ้าง”
รับส่งศิษย์รุดหมายสู่ปลายทาง
สอนทุกอย่างมอบให้...ไร้รางวัล

ต้องอบรมบ่มนิสัยสอนใจศิษย์
ให้มีจิตมานะมุ่งขยัน
ประพฤติแต่ทางชอบกอรปคุณธรรม์
เพ่อผลบั้นปลายผองศิษย์ของตน

ชีวิต “ครู” ลำบากยากอย่างนี้
ซึ้งฤดีแล้วต้องช้ำหมองหม่น
เมื่อเล็กเคยเกลียดชังฝังกมล
บัดนี้ท้นท่วมซึ้งถึง...พระคุณ

สุรพล สุมนพัฎ

Importnat words

คำพูด เป็นสิ่งที่จะสร้างสรรค์หรือทำลายสิ่งใดๆ ก็ได้ ถ้าคนเรารู้จักที่จะเลือกพูดแต่สิ่งที่เสนาะหู มีความเอื้ออาทรเห็นใจ รู้จักที่จะขอโทษ ชื่นชม หรือขอบคุณ โลกเราก็คงจะสวยและน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ ดังคำกลอนของ Marion Stroud ที่ว่า

The six most important words,
I am sorry, I was wrong.
The five most important words,
You did it very well.
The four most important words,
What do you think?
The three most important words,
I love you.
The two most important words,
Thank you.
The one most important word,
We
The least important word,
I

ความเครียด

ความเครียด
โลกยุคปัจจุบันนี้
มีวิทยาการล้ำหน้าไปมากมาย
คนทุกคนขวนขวายที่จักได้สิ่งต่างๆ มาสนองอารมณ์ของตน
อยากได้...อยากมี...อยากเป็นอะไร ก็ต้องหาวิธีที่จะได้มาอย่างเต็มที่
บางคนหาวิธีโดยชอบธรรมไม่ได้ ก็ใช้วิธีอันไม่ชอบธรรม
ขอเพียงให้ได้สิ่งมาสนองอารมณ์ความต้องการของตนเป็นพอ
และเมื่อไม่สามารถหาสิ่งมาสนองอารมณ์ความอยากของตนได้แล้ว
คิดหาทางเท่าใดก็ไม่ได้ดังใจ ไม่มีทางออกที่สมควรต้องการของตน
ก็คิดวุ่นวาย...คิดแล้วคิดอีก...คิดไปคิดมา
คิดมากๆ ก็เกิดความเครียด
และกลายเป็นโรคเครียดในที่สุด

โรคความเครียด
ความเครียด เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาของคน
แต่ถ้าเมื่อเกิดขึ้นกับใครแล้ว
ถ้ามีมากๆ จักเกิดผลกระทบต่อร่างกาย หน้าที่การงาน และจิตใจของตน
จึงขอให้ท่านตรวจสอบดูว่า ขณะนี้ท่านมีความเครียดหรือไม่? คือ...
๑. วิตกกังวล หงุดหงิด อารมณ์เสียบ่อย
๒. ปวดศีรษะ มึนงง รู้สึกสมองไม่โล่ง
๓. ตื่นเต้นมาก ตกใจง่าย ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม
๔. หลับไม่สนิท ฝันร้าย ท้องผูก ท้องเสีย ท้องเฟ้อ
๕. เบื่ออาหาร หรือกินมากอยากมากกว่าปกติ
๖. ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลีย
๗. ไม่มีสมาธิในการทำงาน ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ

ถ้ามีดังนี้แสดงว่าคุณกำลังมีความเครียดมากๆ
ขอให้หาวิธีคลายเครียดและบำบัดเสียแต่เนิ่นๆ
ความเครียดจักหายไป ความสุขใจเข้ามาแทนที่

วิธีแก้โรคความเครียด
วิธีแก้ความเครียดมีมากมาย
ขอให้ลองนำวิธีต่างๆ ต่อไปนี้ไปใช้ดู อาจจะคลายเครียดได้บ้าง
๑. เมื่อเกิดความเครียดขึ้นมา ขอให้ ตั้งสติ พิจารณาว่า
บัดนี้ความเครียดได้เกิดขึ้นแก่เราแล้ว
กล่าวคือ...ยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น
๒. เมื่อยอมรับในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้นแล้ว
ต่อไปขอให้เรา ปล่อยวาง ในอารมณ์ต่างๆ
อันได้แก่อารมณ์รัก อารมณ์เกลียด อารมณ์โลภ...โกรธ...หลง
แล้วค่อยหาวิธีแก้...มิใช่แก้ปัญหา แต่แก้ความเครียด
๓. วิธีแก้ปัญหาคือต้องยอมรับอีกนั่นแหละ
คือยอมรับว่า ธรรมเป็นยารักษาได้
คือใช้หลักธรรมต่างๆ ของพระพุทธเจ้าเข้าแก้ปัญหา
เชื่อแน่ว่าแนวทางที่กล่าวมาต้องรักษาได้แน่ๆ

คิดอย่างไรไม่ให้เครียด
เมื่อเกิดความเครียดขึ้นแล้ว
ขอให้ใช้ความคิดพิจารณาว่า
๑. ชีวิตนี้มีมาไม่ถึง ๑๐๐ ปี...ก็ตายแล้ว
๒. เครียดไปก็ไม่เกิดประโยชน์
ไก่...ไม่เคยเป็นโรคประสาท หรือต้องกินยาแก้โรคนั้น
เพราะมันไม่อยากมากเกินไป
๓. หาทางผ่อนคลายความเครียด
โดยการอ่านหนังสือธรรม ชมทิวทัศน์ต่างๆ
โดยการฟังธรรม ฟังเพลง ดูสารคดีเพื่อผ่อนคลาย
โดยการปฏฺบัติธรรมะ (นั่งสมาธิ) ระลึกถึงความจริง
โดยการรักษากาย วาจา ใจ ให้ถูกต้อง ดีงาม
โดยการมีพรหมวิหาร ๔ เป็นหลักธรรมประจำใจอันได้แก่
มีเมตตา...ให้เขาเป็นสุข มีกรุณา...ให้เขาพ้นทุกข์
มีมุทิตา...พลอยยินดีกับเขา มีอุเบกขา...วางใจให้เป็นกลาง


ที่มา: ธรรมสภา, บันทึกแห่งชีวิต แด่...ภรรยาอันเป็นที่รักยิ่ง

ขอบิณฑบาตความรุนแรง





Friday, November 28, 2008

น้อมเกล้าฯ ถวายพระพร ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๑


“ผู้มีปัญญามากเป็นผู้ไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยม เพราะผู้มีปัญญามากไม่จำเป็นต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมอันเป็นกลโกง เป็นความไม่สุจริต ผู้มีปัญญามากสามารถใช้ปัญญา แก้ไขจัดการเรื่องราวทั้งหลายให้เป็นไปได้อย่างถูกต้องด้วยดี ผู้มีปัญญารังเกียจเล่ห์เหลี่ยมไม่ยินดีที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยม แต่รู้จักเล่ห์เหลี่ยม รู้ทันผู้ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพราะปัญญาเป็นแสงสว่าง ย่อมนำให้รู้ให้เห็นให้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง ชัดเจนมากน้อยตามความมากน้อยของปัญญา”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)
You can fool some of the people all the time,
You can fool all of people some of the time,
But, you can not fool all of people all of the time.
Abraham Lincoln

ท่านอาจหลอกคนบางคนได้ในบางครั้ง
ท่านอาจหลอกคนบางคนได้ทุกครั้ง
ท่านอาจหลอกทุกคนได้ในบางครั้ง
ท่านไม่อาจหลอกทุกคนได้ทุกครั้ง

อับราฮัม ลินคอร์น

Tuesday, November 11, 2008

ทำบุญ ๑๐ วิธี ในพุทธศาสนา

ทำบุญ ๑๐ วิธี ในพุทธศาสนา

บุญในพุทธศาสนาทำได้มากมายหลายวิธี สรุปได้เป็น ๑๐ วิธี คือ
๑. การบริจาคเงินและสิ่งของ เรียกว่า ทานมัย
๒. การลดละความประพฤติที่ไม่ดี และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เรียกว่า
ศีลมัย
๓. การฝึกจิตรักษาใจให้สงบ เกิดปัญญา เรียกว่า ภาวนามัย
๔. การสละแรงกายช่วยเหลือผู้อื่นหรือส่วนรวม เรียกว่า ไวยาวัจจมัย
๕. ความอ่อนน้อมถ่อมตน เรียกว่า อปจายนมัย
๖. ความยินดีในการทำความดีของผู้อื่น เรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย
๗. การเผื่อแผ่ความดีให้ผู้อื่นได้มีส่วนร่วม หรือได้รับส่วนบุญ เรียกว่า
ปัตติทานมัย
๘. การฟังธรรมะและศึกษาข้อคิดที่ดีงามเรียกว่า ธรรมสวนมัย
๙. การให้ธรรมะและข้อคิดที่ดีงามแก่ผู้อื่น เรียกว่า ธรรมเทศนามัย
๑๐. การนึกคิดในทางที่ถูกต้องดีงาม เรียกว่า ทิฏฐุชุกรรม

ที่มา: ๓๐ วิธีทำบุญ เพื่อสุขภาพใจและสังคม

คำอุทิศบุญ

คำอุทิศบุญ

ท่านผู้อ่านหนังสือธรรมะและผู้ร่วมสร้างบุญบารมี เมื่อได้สร้างบุญกุศลใดแล้ว หรือเมื่ออ่านหนังสือธรรมะแล้ว ให้อุทิศบุญกุศลถึงผู้ใดตามท่านปรารถนา อาจเลือกกล่าวตามตัวอย่างคำอุทิศบุญ ดังนี้

ด้วยอานิสงส์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี จนถึง ณ บัดนี้ที่ได้ร่วมสร้าง อ่าน ศึกษา และปฏิบัติตามคำสอนธรรมะ จงมีแด่เทวดาทั้งหลายที่ประจำตัวข้าพเจ้า เทวดาที่อยู่ในบ้านเรือน อยู่ในร้านค้าอาคารที่ข้าพเจ้าได้ใช้ประโยชน์ อีกทั้งเทวดาประจำตัวบิดา มารดา ลูกหลาน ญาติของข้าพเจ้า เป็นต้น ขอให้เทวดาทั้งหลายได้โปรดมาร่วมอนุโมทนาบุญทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมมา และขอให้บุญเหล่านี้จงมีแก่ญาติซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว ไม่ว่าท่านจะเกิดเป็นพรหม เทวดา มาร ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ ครุฑ นาค เงือก กินรา ผี ปีศาจ

เมื่อเทวดาและท่านทั้งหลายได้บุญกุศลเหล่านี้แล้ว ขอได้โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าและบุคคลที่เคารพรักบูชา มีสุขภาพกายใจแข็งแรง ทำงาน ทำกิจการค้าขายก็ขอให้เป็นไปด้วยดี เจริญรุ่งเรืองทั้งทรัพย์ภายนอก และทรัพย์ภายใน ข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสสร้างบุญบารมียิ่งขึ้นด้วยการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา

ด้วยอานิสงส์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี จนถึง ณ บัดนี้ที่ได้ร่วมสร้าง อ่าน ศึกษา และปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา จงมีแก่เจ้ากรรมนายเวรตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านอาจเกิดเป็นคน สัตว์ หรือเชื้อโรคในร่างกายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลให้แก่ท่าน ขอให้ท่านได้โปรดอโหสิกรรม ท่านที่เป็นเชื้อโรคในร่างกายข้าพเจ้า ก็ขอได้โปรดออกจากร่างกายข้าพเจ้า แล้วเลือกเกิดในภพภูมิที่ดีตามที่ท่านปรารถนา

ด้วยพลานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และด้วยอานิสงส์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี จนถึง ณ บัดนี้ที่ได้ร่วมสร้าง อ่าน ศึกษา และปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา โปรดบันดาลให้ข้าพเจ้ามีพละกำลังกาย กำลังใจ กำลังสมาธิ กำลังความคิด กำลังสติปัญญา กำลังปิยวาจา กำลังขันติ กำลังบริวาร กำลังบารมี กำลังทรัพย์ กำลังกาลเวลา เพื่อการทำมาหาเลี้ยงชีพได้ดี จะได้มีโอกาสสร้างบุญบารมีด้วยการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เป็นเส้นทางสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

หมายเหตุ ขอแนะนำท่านสาธุชนได้อุทิศบุญกุศลวันละมากๆ หน อย่างใช้สติ อย่างใช้ปัญญาพิจารณาเนื้อหาของตัวอย่างคำอุทิศบุญนี้ จักช่วยให้ท่านได้มีพลังสติ พลังปัญญา เพิ่มพูนยิ่งขึ้น เมื่อสติปัญญาเพิ่มพูนจักคิดการใดก็สำเร็จได้โดยง่าย อุปสรรคใหญ่กลายเป็นเล็ก อุปสรรคเล็กสลายหายไป ขอให้สำเร็จทุกท่าน สาธุฯ

โอวาทสำหรับผู้นำ

โอวาทสำหรับผู้นำ
โอวาท ท่านเล่าจื้อ
(คัดบางตอนจาก TAO OF LEADERSHIP)
แปลโดย วันทิพย์ สินสูงสุด

"ความเป็นผู้นำของพวกท่านไม่ได้อยู่ที่เทคนิคหรือการแสดง..
แต่อยู่ที่ความเงียบ และความสามารถของพวกท่านที่จะแสดงความเอาใจใส่"

"คนส่วนมากถูกความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุดรบกวน......
แต่ผู้นำที่ฉลาดจะพอใจในสิ่งที่มีอยู่ แม้ว่าจะเล็กน้อย..."

"คนส่วนมากนำชีวิตให้ยุ่งเหยิง...
แต่ผู้นำที่ฉลาดจะสงบ และไตร่ตรอง"

"คนส่วนมากแสวงหาสิ่งซึ่งใช้กระตุ้น และสิ่งใหม่ๆ......
แต่ผู้นำที่ฉลาดจะชอบสิ่งสามัญ และเป็นธรรมชาติ"

"เพื่อที่จะรู้ว่าคนอื่นประพฤติอย่างไร ต้องใช้ความรู้รอบ....
แต่เพื่อรู้ตนเองต้องใช้ปัญญา"

"เพื่อที่จะบริหารชีวิตของคนอื่น ต้องใช้ความเข้มแข็ง...
แต่เพื่อบริหารชีวิตของตนเอง ต้องใช้อำนาจอันแท้จริง..."

"ความสงบนิ่งของผู้นำจะชนะความเร่าร้อนของกลุ่ม....
...ความมีสติของผู้นำ เป็นเครื่องมือเบื้องต้นแห่งงานนี้"

"ยิ่งเธอมีมาก เธอก็จะได้รับมากขึ้น...เธอยิ่งต้องเฝ้าดูแลมากขึ้น....
เธอก็อาจสูญเสียมากขึ้น.... นี่เป็นเจ้าของหรือถูกเป็นเจ้าของกันแน่.."

"..แต่ถ้าเธอยอมสละสิ่งต่างๆ เสีย
เธอก็สามารถยกเลิกการใช้ชีวิตไปเฝ้าดูแลสิ่งของต่างๆ นั้นได้.."

"ขอให้พยายามสงบนิ่ง....เพื่อจะได้ค้นพบความมั่นคงภายในของเธอ...
...ถ้าเธอมีความมั่นคงภายในแล้ว.... เธอจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ...
...เช่นเดียวกัน เธอจะถูกล้างผลาญน้อยลง และจะอยู่ได้ยาวนานขึ้น.."

"ผู้นำที่ฉลาดรู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมาแล้วก็ไป
ดังนั้น ทำไมจึงยึดฉวย และเกาะแน่นเล่า....
ทำไมจึงวิตก และงอตัวเพราะกลัวด้วยเล่า..
ทำไมจึงอยู่ในความเพ้อฝัน แห่งสิ่งที่อาจเกิดหรือไม่ด้วยเล่า..."

"น้ำนั้นเหลว อ่อนและยอม...แต่น้ำจะกัดเซาะหิน ซึ่งแข็งและไม่ยอม.....
...ผู้นำที่ฉลาดรู้ว่า การยอมรับจะเอาชนะการต่อต้าน"

"ความสุภาพอ่อนน้อมจะละลายการตั้งรับที่แข็งที่อ..."
....นี่เป็นคำพูดจริงที่มีความขัดแย็งในตัวเอง อีกข้อหนึ่ง อะไรที่อ่อนนั้นจะแข็งแรง..."

"คุณสมบัติสามประการนี้เป็นสิ่งทรงคุณค่าต่อผู้นำ...
เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย...ความเรียบง่ายและมัธยัสถ์ทางวัตถุ........
มีสำนึกแห่งความเสมอภาค....
หรือความลดน้อมถ่อมตน"

...คุณธรรมของผู้ยิ่งใหญ่...
ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้ให้กำเนิด โดยมิอ้างเป็นเจ้าของบำรุงเลี้ยง
โดยมิถือเป็นบุญคุณเกื้อกูล
โดยมิก้าวก่ายไม่นำความยิ่งใหญ่
ไปแทรกแซงขู่เข็ญบังคับใครเมื่อได้รับการเทิดทูน
ท่านไม่ท้อแท้เมื่อกิจการงานอ้นยิ่งใหญ่สำเร็จลงท่านถอนตัวจากไป....

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=icyiceberg&group=2&month=07-2006&date=13&gblog=2

Thursday, November 6, 2008

ปฐม ก กา หัดอ่าน

ปฐม ก กา หัดอ่าน

@ นะโมข้าจะไหว้ วระไตรระตะนา
ใส่ไว้ในเกศา วระบาทะมุนี
คุณะวระไตร ข้าใส่ไว้ในเกศี
เดชะพระมุนี ขออย่ามีที่โทษา
ข้าขอยอชุลี ใส่เกศีไหว้บาทา
พระเจ้าผู้กรุณา อยู่เกศาอย่ามีภัย
ข้าไหว้พระสะธรรม ที่ลึกล้ำคัมภีร์ใน
ได้ดูรู้เข้าใจ ขออย่าได้มีโรคา
ข้าไหว้พระภิกษุ ที่ได้ลุแก่โสดา
ไหว้พระกิทาคา อะระหาธิบดี
ข้าไหว้พระบิดา ไหว้บาทาพระชะนะนี
ไหว้พระอาจารีย์ ใส่เกศีไหว้บาทา
ข้าไหว้พระครูเจ้า ครูผู้เฒ่าใส่เกศา
ให้รู้ที่วิชา ไหว้บาทาที่พระครู
จะใคร่รู้ที่วิชา ขอเทวามาค้ำชู
ที่ใดข้าไม่รู้ เล่าว่าดูรู้แลนา
ไชโยขอเดชะ ชัยชนะแก่โลโภ
โทโสแลโมโห อย่าโลเลโจ้เจ้ใจ
กุมาระกุมารี ตะรุณีที่เยาว์วัย
จะล่อพอเข้าใจ ให้รู้จำคำวาที
ว่าไว้ใน ก กา ก ข ขา อา อิ อี
ว่าไว้ในเท่านี้ ที่พอได้ใน ก กา
แต่พอให้รู้เล่า ที่ผู้เขลาเยาวะภา
ได้ดูรู้แลนา กุมาราตะรุณี
จะใคร่ได้รู้ธรรม ที่ลึกล้ำจำไว้ดี
ได้แน่แต่เท่านี้ ดีจำเอาเบาใจครู
จะว่าแต่ล่อ ๆ ว่าแต่พอล่อใจดู
ว่าไว้พอให้รู้ ดูว่าเล่าเอาใส่ใจ

บทกวีนิพนธ์ จากหนังสือปฐม ก กา หัดอ่าน