Thursday, January 31, 2008

พระพุทธบาทสี่รอย

พระพุทธบาทสี่รอย
พระพุทธบาทสี่รอย ประกอบด้วยรอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ พระองค์ ที่ได้มาตรัสรู้แล้ว ในภัทรกัปป์นี้ ได้แก่ สมเด็จพระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จพระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า และสมเด็จพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า

รอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๔ พระองค์ ประทับซ้อนกันไว้




พระอุโบสถของวัดพระพุทธบาทสี่รอย ถ่ายจากพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาท



พระอุโบสถจตุรมุข ยอดมณฑป ประดับลายปูนปั้นแบบล้านนา


พระพุทธมหาธรรมิกราช



พระพุทธรูปทรงเครื่ององค์นี้มีพระพุทธลักษณะงดงามเป็นที่สุด พระพักตร์และพระเนตรเปี่ยมด้วยความเมตตา เสมือนมีชีวิตจิตใจ


พระพุทธมหาจักรพรรดิตราธิราช พระพุทธรูปทรงเครื่องศิลปผสมระหว่างล้านนา สุโขทัย เชียงแสน อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ประดิษฐานหน้าพระประธานในพระอุโบสถ


รอยพระพุทธหัตถ์


วิหารครอบรอยพระพุทธบาท ถ่ายภาพจากพระอุโบสถ


ลายปูนปั้นประดับพระอุโบสถ

พญานาคปูนปั้น ประดับที่ระเบียงพระอุโบสถ



หลังคาพระอุโบสถ


ตำนานพระพุทธบาทสี่รอย
วัดพระพุทธบาทสี่รอย ตั้งอยู่ที่ตำบลสะลวง อำเถอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้มาตรัสรู้ในภัทรกัปป์นี้ ๔ พระองค์
ตามตำนานกล่าวว่า ในพุทธกาลแห่งสมเด็จพระวิปสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งนับจากภัทรกัปนี้ไปได้ ๙๒ กัป ในครั้งนั้นมีภิกษุผู้เป็นสาวกแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ได้สะสมปัจจัยจนเกินสมควร เมื่อสิ้นชีวิตไปจึงได้ไปเกิดในมหานรก ตราบจนสิ้นอายุในมหานรกแล้ว เศษกรรมได้นำมาเกิดเป็นเปรตนามว่า "มหาศิลาหลวง" (เปรตหิน) พูดวาจาใดๆ ไม่ได้ เนื่องจากสรีระกลายเป็นหิน ตั้งอยู่ ณ เวภารบรรพต
เมื่อกาลล่วงมาได้ ๙๒ กัป จนถึงภัทรกัป หรือกัปปัจจุบัน สมเด็จพระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มาตรัสรู้ และเสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทไว้เหนือมหาศิลาเปรต ได้แก่ รอยพระพุทธบาทที่ใหญ่ที่สุด ยาว ๑๒ ศอก
เมื่อสมเด็จพระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มาตรัสรู้ พระองค์ได้เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทไว้ โดยประทับซ้อนรอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นรอยที่สอง รอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า ยาว ๙ ศอก
เมื่อสมเด็จพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มาตรัสรู้ พระองค์ก็ได้เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาท ซ้อนรอยของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสองพระองค์ไว้เป็นรอยที่สาม โดยรอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ยาว ๗ ศอก
ในพุทธกาลแห่งสมเด็จพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระองค์ปัจจุบัน) ก็ได้เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทซ้อนรอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสามพระองค์ไว้เป็นรอยที่สี่ โดยรอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า ยาว ๔ ศอก
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มีพระพุทธดำรัสว่า ในอนาคตกาลเมื่อสมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า มาตรัสรู้ พระองค์จะได้เหยียบรอยพระพุทธบาทครอบรอยพระพุทธบาททั้ง ๔ รอยนี้ ให้กลายเป็นรอยเดียว

เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้แล้ว ได้ทรงอธิษฐานว่า เมื่อพระองค์ได้ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว เทพยดาทั้งปวงจะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ เมื่อพระพุทธศาสนกาลล่วงไปแล้ว ๒,๐๐๐ ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้จักปรากฎแก่ปวงมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย เพื่อให้ได้มีโอกาสกราบไหว้สักการะบูชา
เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วประมาณ ๒,๐๐๐ ปี เทพยดาทั้งหลายต้องการให้พระพุทธบาทสี่รอยนี้ปรากฎแก่คนทั้งหลาย จึงเนรมิตเป็นรุ้ง (เหยี่ยว) ตัวใหญ่ลงมาจากเวภารบรรพต ไปจิกลูกไก่ของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณเชิงเขา แล้วบินกลับขึ้นไปบนยอดเขา พรานป่าโกรธมาก จึงได้ติดตามขึ้นไป แต่ไม่เห็นรุ้งตัวนั้น เห็นแต่รอยพระพุทธบาทสี่รอย จึงทำการสักการะบูชา และได้บอกกล่าวแก่คนทั้งหลายให้ทราบ และได้พากันไปสักการะบูชา คนทั้งหลายจึงเรียกรอยพระพุทธบาทนั้นว่า พระบาทรังรุ้ง (รังเหยี่ยว)
นอกจากนี้ตำนานยังได้กล่าวว่า เมื่อพญามังราย ครองราชสมบัติ ณ เมืองเชียงใหม่ พระองค์ และพระราชเทวี เสนาอำมาตย์ ก็ได้เดินทางมาสักการะบูชาพระพุทธบาทสี่รอยนี้ กษัตริย์ราชวงศ์มังรายทุกพระองค์ก็ได้ถือเป็นประเพณีสืบต่อมาวาจะต้องมากราบสักการะบูชาพระพุทธบาทนี้
เมื่อเจ้าหลวงธรรมลังกา ช้างเผือก ครองนครเชียงใหม่ ท่านได้เดินทางมาสักการะบูชาพระพุทธบาทสี่รอย และสร้างพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาทไว้ชั่วคราว โดยแต่เดิมหากใครจะดูรอยพระพุทธบาทที่ประทับบนก้อนหินขนาดใหญ่ จะต้องใช้บันไดพาดขึ้นไปดู เจ้าหลวงธรรมลังกาจึงได้สั่งให้สร้างแท่นยืนคล้ายๆ นั่งร้านรอบก้อนหิน เพื่อที่สตรีจะได้เห็นรอยพระพุทธบาทด้วย
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ได้เสด็จไปสักการะพระพุทธบาทสี่รอย และมีพระศรัทธาสร้างพระวิหารหนึ่งหลัง เพื่อบูชารอยพระพุทธบาท
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้เดินทางไปสักการะบูชาพระพุทธบาทสี่รอย และได้รื้อวิหารชั่วคราวที่เจ้าหลวงธรรมลังกาสร้างไว้ และครูบาเจ้าได้สร้างวิหารใหม่ครอบรอยพระพุทธบาทไว้ นอกจากนี้ท่านยังได้ฉาบปูนครอบรอยพระพุทธบาทไว้ เพื่อรักษาไว้ให้ยั่งยืนเท่าพระศาสนา
พระพุทธบาทสี่รอยนี้ ครูบาอาจารย์สายครูบาเจ้าศรีวิชัยหลายรูป อาทิ ครูบาหน้อย วัดบ้านปง อ.แม่แตง ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ฯลฯ ได้เดินทางไปสักการะบูชา
นอกจากนี้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ฯลฯ ก็ได้เคยธุดงค์ไปกราบสักการะบูบา

1 comment:

Tye said...

I wish these were in English so I could read them. The pictures are very interesting.