Wednesday, February 13, 2008

ธรรมะวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2551

พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้สัจจะแห่งโลกสัมพันธ์ไปบ้าง โดยได้ตรัสแสดงไว้ว่า
ปุพฺเพว สันฺนิวาเสน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา
เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปฺปลํว ยโถทเก


แปลความว่า ความรักนั้นย่อมเกิดเพราะบุพเพสันนิวาส คือ ความอยู่ด้วยกันในปางก่อนบ้าง ด้วยความเกื้อกูลกันในปัจจุบันบ้าง เหมือนอย่างอุบลอาศัยเปือกตมและบ้ำบังเกิดขึ้น ฉะนั้น และเพื่อประคับประคองให้การอยู่ร่วมกันมั่นคงประกอบด้วยความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุก จึงได้ทรงแสดงธรรมซึ่งประกอบด้วยคุณภาพทรงดำรงรักษา โดยตรัสสอนให้ มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน และมีปัญญาเสมอกัน เพื่อเป็นสามีเทวดาภริยาเทวดา ตลอดจนถึงเป็นบุตรธิดาเทวดา เป็นต้น เพื่อจะได้เห็นซึ่งกันและกันตลอดกาลนาน ทั้งในปัจจุบัน ทั้งภายภาคหน้า และจักได้เห็นกันด้วยความบันเทิงสุขโดยตลอด สมดังคำแปลนิคมคาถาบทอุเทศเบื้องต้นว่า ภริยาและสามีทั้งสองฝ่ายเป็นผู้มีศรัทธารู้ถ้อยคำ (รู้ความประสงค์ของผู้ขอ) สำรวมระวัง ดำรงชีวิตโดยธรรม กล่าววาจาเป็นที่รักต่อกันและกัน ทั้งสองนั้นเป็นผู้มีประโยชน์ทั้งหลายเจริญรุ่งเรืองมาก ความผาสุกก็บังเกิดขึ้นมาก อมิตรหรือศัตรูย่อมเป็นที่โทมนัสของทั้งสองผู้มีศีลเสมอกัน ทั้งสองประพฤติธรรมในโลกนี้ เป็นผู้มีศีลวัตรเสมอกัน ย่อมจักบันเทิงในโลกสวรรค์ต่อไป ย่อมบันเทิงพร้อมด้วยสิ่งที่น่าปรารถนาพอใจทั้งหลายด้วยประการฉะนี้


พระธรรมเทศนา สัทธาทิกถา ในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันราชาภิเษกสมรส ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕

ที่มา: สมเด็จพระญาณสังวร (สุวฑฺฒนมหาเถร เจริญ คชวัตร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวโรกาสงานฉลองพระชนมายุ ๙๓ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วันที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘, กรุงเทพฯ: ชวนพิมพ์, หน้า ๒๑๐

No comments: