เมื่อเข้าไปในพระอุโบสถวัดต่างๆ จะเห็นว่าบนฐานชุกชี คือที่สำหรับประดิษฐานพระประธาน มักจะมีพระอัครสาวก ๒ องค์ ยืนหรือนั่งอยู่เบื้องหน้าพระประธานองค์ข้างซ้ายคือพระโมคคัลลานะ ส่วนองค์ข้างขวาคือพระสารีบุตร ซึ่งทั้งสององค์นี้เมื่อสมัยพุทธกาลได้เป็นกำลังยิ่งใหญ่ในการช่วยเผยแผ่และประดิษฐานพระพุทธศาสนาจนเป็นหลักฐานมั่นคง
พระพุทธเจ้าทรงพรั่งพร้อมด้วยบริวารสมบัติ คือมีพระสาวกที่ทรงคุณงามความดีมีความสามารถดีมากด้วยเป็นพุทธบริวาร จึงได้เป็นกำลังประกาศพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาได้กระทั่งทุกวันนี้ แม้พระองค์เสด็จปรินิพพานเป็นเวลามากกว่า ๒๕ ศตวรรษแล้วก็ตาม แต่พระธรรมวินัยอันเป็นหลักคำสั่งสอนของพระองค์ ก็ยังเป็นศาสนาที่มีผู้เคารพนับถือประพฤติปฏิบัติตามๆ กันสืบมา
ผู้มีบริวารใกล้ชิดช่วยรับใช้ ถึงพร้อมด้วยบริวารสมบัติ ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่ง เพราะคนเราถึงจะมีวิชา มีทรัพย์ มียศ แต่ไร้บริวารก็เสมือนโล้เรือใหญ่ด้วยแรงของตนเอง จะดีเด่นและมีผู้เห็นความดีได้ชัดเจนอย่างไร
พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมครบถ้วน โดยเฉพาะทรงมีเมตตาแก่คนและสัตว์ทั่วไป สมัยหนึ่งเสด็จประทับอยู่ที่ป่าปาลิไลยก์โดยโดดเดี่ยวเพียงพระองค์เดียว เพราะทรงระอาความวิวาทของภิกษุชาวเมืองโกสัมพี ยังมีช้างกับลิงเข้ามาเป็นบริวารรับใช้ถวายอารักขา
ผู้ที่มีเมตตาประจำจิต รู้จักเห็นใจผู้อื่นเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ที่คล้องใจคนให้จงรักภักดียอมเป็นบริวารได้
อย่าสร้างบริวารด้วยเงินหรืออำนาจ เพราะไม่ยั่งยืนเลย แต่ถ้าผูกใจให้เขารักด้วยดีต่อเขา มีความเห็นใจเขา รู้จักสงเคราะห์เขา เป็นต้น ดังนี้ จะเป็นผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยบริวารเสมอ
ที่มา: หนังสือ หลักธรรมสอนใจ หน้า ๓๘-๓๙ มีผู้พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน
No comments:
Post a Comment