Thursday, April 1, 2010

สมเด็จ พระเทพฯ องค์"วิศิษฏศิลปิน"

สมเด็จ พระเทพฯ องค์"วิศิษฏศิลปิน"


ในวันที่ 2 เมษายนของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนและเยาวชนมีจิตสำนึกรักและหวงแหนมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ของชาติไทย โดยการรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติอย่างถูกวิธี การส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนและภาคเอกชนมีความรู้สึกร่วมในความเป็นเจ้า ของโบราณสถาน โบราณวัตถุ และร่วมรับผิดชอบดูแลทำนุบำรุงรักษาไว้เป็นมรดกไทยประจำถิ่น ลดอัตราการสูญเสีย และการถูกทำลายของโบราณสถาน โบราณวัตถุให้น้อยลง

นอก จากจะเป็นวันที่ต้องการให้ประชาชนชาวไทยรำลึกถึงความสำคัญ และความจำเป็นของการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมของชาติแล้ว รัฐบาลยังกำหนดให้วันอนุรักษ์มรดกไทย เป็นวันเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวัน พระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เวียนมาบรรจบครบรอบ 30 ปี ในวันที่ 2 เม.ย. 2528 ที่พระ องค์ทรงเป็นองค์เอกอัครราชูปถัมภก มรดกวัฒนธรรมไทย และสนับสนุนกิจกรรมอันเนื่องด้วยงานวัฒนธรรมของชาติตลอดมา พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างในการบำเพ็ญพระราชกรณีย กิจ และราชจริยวัตรในด้านอนุรักษ์มรดกของชาติในสาขาต่างๆ ทั้งด้านพุทธศาสนา ภาษาไทยและวรรณกรรม ประวัติศาสตร์และโบราณคดี งานช่าง สถาปัตยกรรมและดนตรีไทย


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระอัจฉริยภาพในหลายด้าน ทั้งงานพระราชนิพนธ์ต่างๆ ทั้งประเพณีวัฒน ธรรม ภาษา และศาสนา ด้านการประพันธ์พระองค์ทรงสนพระทัยมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เนื่องด้วยทรงเป็นคนชอบอ่านหนังสือ จนได้รับฉายาว่า "หนอนหนังสือ" ทำให้ทรงมีความรู้มากมาย พระราชนิพนธ์ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ รวมถึงพระราชนิพนธ์แปลต่างๆ อาทิ วรรณวลี ซึ่งพระราชนิพนธ์เป็นบทร้อยกรอง กษัตริยานุสรณ์ พระราชนิพนธ์เป็นโคลงยอพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พุทธศาสนาสุภาษิตคำโคลง พระราชนิพนธ์เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 38 พรรษา เดินตามรอยพ่อ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งพระทัยในพระราชกรณียกิจ ด้านต่างๆ เพื่อประชาชนชาวไทยทั้งของพระองค์เองและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ที่ได้รับความนิยมมาก




เมื่อทรงมีโอกาสเสด็จประพาสต่างประเทศ จะทรงนำประสบการณ์ที่ทรงประสบมานิพนธ์เป็นหนังสือซึ่งมีคุณค่าทางประวัติ ศาสตร์ วัฒนธรรมและประเพณีของประเทศนั้นเป็นอย่างดี

ด้านดนตรีไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงโปรดเป็นอย่างมาก ทรงหัดเริ่มเล่นซอด้วงก่อนเป็นอันดับแรก และทรงเล่นมาตลอดจนมีความสามารถในการเล่นยอดเยี่ยม

พระราชนิพนธ์ตอน หนึ่งในเรื่อง "เหตุใดข้าพเจ้าจึงชอบเล่นดนตรีไทย" ความว่า "ดนตรีไทยนี้เล่นแล้วติดจริงๆ สบโอกาสเมื่อไรก็ต้องไปฟัง แต่ก่อนอธิบายได้ว่าชอบเพราะชาตินิยม หลังๆ นี้ชอบเพราะฟังแล้วสนุกตื่นเต้น มีทุกรส..." นอกจากจะโปรดการเล่นดนตรีไทยแล้ว ยังทรงพระราชนิพนธ์บทเพลง เพลงแรกที่นิพนธ์ คือ เพลงส้มตำ ซึ่งเป็นที่นิยมและชื่นชอบของประชาชนทั่วไป เนื่องจากเป็นบทพระราชนิพนธ์ที่เข้าใจง่าย ใช้ภาษาสละสลวย พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์อีกหลายเพลง เช่น เต่ากินผักบุ้ง เต่าเห่

ด้วย พระอัจฉริยภาพของพระองค์ ในปีพ.ศ. 2546 คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติทูล เกล้าฯ ถวายพระสมัญญา "วิศิษฏศิลปิน" แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นศิลปินผู้มีอัจฉริยภาพหลายสาขาเป็นที่ยอมรับ ประจักษ์ชัดในวงการศิลปะ

ในวันที่ 2 เมษายน 2553 วันอนุรักษ์มรดกไทย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงเชิญชวนประชาชนชาวไทย ตระหนักถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมของชาติ ร่วมกันหวงแหน อนุรักษ์ และสืบทอดศิลปวัฒนธรรมไทยของเราให้ดำรงอยู่ สมกับที่พระองค์ท่านบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันก่อเกิดประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ ไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมของชาติ เพื่ออนุชนรุ่นหลังจักได้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทยของเราสืบไป

หน้า 25
วันที่ 02 เมษายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7064 ข่าวสดรายวัน

No comments: