Thursday, May 3, 2007


ศิลาจารึก วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

ทุกข์
คือ ทุกข์อุปาทานต่างๆ ที่ใจ
๑. สัจจญาณ มีสติเห็นรู้ความเป็นจริงว่า ทุกข์อุปาทานในขันธ์ ๕ เกิดที่ใจ แก้ไขได้ทันที ที่นี่และเดี๋ยวนี้
๒. กิจจญาณ มีสติเห็นรู้วิธีปฏิบัติว่า ต้องกำหนดรู้รูปนามที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปที่ทวารทั้ง ๖ นั้นให้ได้
๓. กตญาณ มีสติเห็นรู้แล้วว่า เรากำหนดรู้ได้แล้วที่ทวารทั้ง ๖ นั้น

สมุทัย
คือ เหตุให้เกิดทุกข์อุปาทานที่ใจ
๑. สัจจญาณ มีสติเห็นรู้ความเป็นจริงว่า ตัณหา ๓ คือ กามตัณหา (พใจต่างๆ โลภะ) ภาวะตัณหา (ใจเป็นต่างๆ โมหะ) วิภาวะตัณหา (ไม่พอใจต่างๆ โทสะ)
๒. กิจจญาณ มีสติเห็นรู้วิธีปฏิบัติว่า ต้องละตัณหาทั้ง ๓ นั้นให้ได้เด็ดขาด
๓. กตญาณ มีสติเห็นรู้แล้วว่า เราละตัณหาทั้ง ๓ นั้นได้แล้ว

นิโรธ
คือ ความดับไม่เหลือแห่งตัณหา
๑. สัจจญาณ มีสติรู้เห็นความเป็นจริงว่า ความดับไปไม่เหลือแห่งตัญณหาทั้ง ๓ นั้น จึงจะพ้นจากทุกข์อุปาทานทั้งปวงได้จริง
๒. กิจจญาณ มีสติเห็นรู้วิธีปฏิบัติว่า ต้องทำให้เห็นแจ้งด้วยปัญญาที่เป็นสัมมาทิฎฐิ
๓. กตญาณ มีสติเห็นรู้แล้วว่าเราได้ทำให้เห็นแจ้งได้แล้ว

อริยมรรคมีองค์ 8
เป็นธรรมะกำมือเดียว ที่ใช้ดับทุกข์อุปาทานทั้งปวง
๑. สัจจญาณ มีสติเห็นรู้ความเป็นจริงว่า อริยมมรรคมีองค์ ๘ มีความเห็นถูกต้องเป็นต้น สามารถดับทุกข์อุปาทานทั้งปวงได้จริง
๒. กิจจญาณ มีสติเห็นรู้วิธีปฏิบัติว่า ต้องทำให้เกิดมีขึ้นมาที่กาย วาจา จิต และทิฏฐิ
๓.กตญาณ มีสติเห็นรู้แล้วว่าเราได้ทำให้เกิดมาได้แล้ว

No comments: