Tuesday, April 21, 2009
การสงเคราะห์ภรรยาและบุตร
คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ผมเคยไปอธิบายเรื่องจริยธรรมหรือคุณภาพชีวิตอะไรทำนองนี้ก็จำไม่แม่นที่ มสธ. อาจารย์ ดร.จันทร์ ชุ่มเมืองปัก ได้กล่าวสรุปว่า ชีวิตที่มีคุณภาพในทรรศนะของท่านไม่เหมือนใคร ว่าแล้วท่านก็หันมามองผม "คุณเสฐียรพงษ์ช่วยนำไปเผยแพร่ด้วย"
ท่านว่าดังนี้ครับ "มีเมียดี มีลูกดี มีเพื่อนดี มีหน้าที่การงานที่บอกเขาได้อย่างภาคภูมิใจ และอย่าเป็นหนี้หลาย (อย่าเป็นหนี้มากนัก) เท่านี้ก็นับว่าชีวิตมีคุณภาพแล้ว"
การมีเมีย มีลูกไม่ใช่เรื่องยาก แต่การมีเมียดีมีลูกดีนี่สิ มิใช่มีกันได้ทุกคน บ้างก่อร่างสร้างตัวจากเด็กบ้านนอกจนๆ คนหนึ่ง จนมีหน้าที่การงาน มีเกียรติในสังคม ประสบความสำเร็จที่ดีคนหนึ่ง แต่ไปได้เมียผลาญ ลูกผลาญ หายนะล่มจมก็มี
ถามหมอดูเขาก็ว่า ดวงปัตนิไม่ดี ปุตตะไม่ดี ตกเรือนมรณะวินาศ มีดาวศุกร์ทับดาวเสาร์ อะไรก็ว่ากันไป (พูดไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรนี่แหละครับ) ถามมหาบาเรียน เขาก็ว่า กรรมทำมาอย่างใดก็ย่อมได้อย่างนั้น
ท่านอธิบดีท่านหนึ่งเติบโตมาจากเด็กวัด มีลูกมาก็พยายามสอนลูกไม่ให้สุรุ่ยสุร่าย ตัวท่านเองกว่าจะก้าวมาถึงขั้นนี้ก็ต้องต่อสู้กับความลำบากลำบนสารพัด ลูกชายย้อนเอาว่า "ก็พ่อเป็นลูกชาวนาก็ลำบากเป็นธรรมดา แต่ผมเป็นลูกอธิบดีนี่ครับ" นี่แหละครับที่ว่า มีลูกน่ะง่าย แต่มีลูกดีมิใช่ของง่าย รวมทั้งเมียด้วยนะครับ
มาจากเรื่องลูกก่อน พระพุทธเจ้าท่านว่า ลูกมี 3 จำพวก เลี้ยงแล้วดีกว่าพ่อแม่ก็มี (อภิชาตบุตร) เลี้ยงแล้วเสมอพ่อแม่ก็มี (อนุชาตบุตร) เลี้ยงแล้วเลวกว่าพ่อแม่ก็มี (อวชาตบุตร) แล้วแต่บุญแต่กรรมของใคร เขาจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขาเถิด อย่าวิตกทุกข์ร้อนเลย เราในฐานะพ่อแม่ขอให้ทำหน้าที่ของพ่อแม่ให้ดีที่สุดก็พอ
นั่นคือเลี้ยงลูกให้สมกับที่เราเป็นพ่อแม่ วิธีเลี้ยงลูกให้ดี พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ 5 ประการ คือ
-กันลูกจากความชั่ว หมายถึง ป้องกันหรือกีดกันทุกวิถีทางมิให้ลูกทำชั่ว
-ปลูกฝังลูกไว้ในทางที่ดี ดีในที่นี้เล็งไปที่ "จิตใจ" เพราะใจเป็นคลังของความดีความชั่วของคน ถ้าปลูกฝังให้ใจดีแล้วก็เท่ากับพ่อแม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อแม่สมบูรณ์แล้ว
-ให้ลูกได้รับการศึกษา ตามตัวอักษรหมายถึง ส่งเสียให้เล่าเรียนสูงๆ โดยอรรถะหมายถึง ฝึกสอนให้ลูกเป็นคนฉลาดรู้จักใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิต พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกให้ฉลาดได้ นับว่าเป็นโชค ดังภาษิตหิโตปเทศบทหนึ่ง "มีลูกฉลาดแต่ตายแล้วหนึ่ง มีลูกโง่ยังมีชีวิตอยู่หนึ่ง อย่างแรกประเสริฐกว่า" คือถ้าเลี้ยงลูกแล้วโง่อย่ามีเสียเลยดีกว่า
-จัดแจงให้แต่งงานกับคนดี สนับสนุนให้ลูกได้คู่ครองดี
-มอบทรัพย์มรดกให้เมื่อถึงเวลาสมควร คือ มอบทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้ด้วยความเหนื่อยยากให้ลูกไว้เป็นทุนรอนดำรงชีวิตต่อไป
เคล็ดลับการเลี้ยงลูกดีของพระพุทธองค์ สรุปลงด้วยคำพูดสั้นๆ คือ "ห้ามทำชั่ว-ให้ทำตัวดี-ให้มีวิชา-หาคู่ครอง-ให้กองทุน" ทำได้ตามนี้นับว่า ไม่เสียทีที่เป็นพ่อแม่
คราวนี้มาว่าด้วยการเลี้ยงดูภรรยา เนื่องจากผู้เขียนเป็นบุรุษเพศจะขอพูดถึงการเลี้ยงดูภรรยาเท่านั้น พึงเข้าใจเอาเองว่า ถ้าท่านเป็นสตรีเพศ สูตรสำเร็จข้อนี้จะต้องเปลี่ยนเป็น "การเลี้ยงดูสามี" แทนนะครับ
พระไตรปิฎกพูดถึงภรรยาไว้ 7 ชนิด น่าสนใจดี (ชนิดของสามีก็พึงทราบโดยนัยเดียวกัน) ดังนี้นะครับ
ภรรยาเหมือนเพชฌฆาต หมายถึง ภรรยาล้างผลาญ ประเภทใจเหี้ยมโหด แช่งชักหักกระดูกสามีเช้าเย็น วันๆ เอาแต่เรียกผีมากิน ห่ามาลง พูดคำก็จะให้ตายห่า สองคำก็จะให้ตายโหง หรือประเภทมือไวเท้าไว เดี๋ยวเตะ เดี๋ยวต่อย (ผู้หญิงก็เตะต่อยเก่งนะครับ เคยเห็นมาแล้ว ปิดประตูซัดสามีผัวะๆ แถมยังร้อง "ช่วยด้วยๆ สามีซ้อมฉัน" ก็มี เป็นงั้นไป) ภรรยาประเภทนี้ ผมอยากแปลว่า ภรรยาผีมากกว่า ใครได้ภรรยาผีร่วมบ้านก็เวรกรรมของคนนั้น ช่วยไม่ได้
ภรรยาเหมือนโจร มีลักษณะล้างผลาญเหมือนประเภทแรก แต่ล้างผลาญคนละอย่าง ประเภทนี้ล้างผลาญทรัพย์ สามีหาได้เท่าไหร่ผลาญหมดเกลี้ยง เขาเรียกว่า "กระเชอก้นรั่ว" ถมเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็ม ใครได้ภรรยาโจรเป็นคู่ครอง ต่อให้ร่ำรวยขนาดไหนไม่ช้าไม่นานก็หมดตัว
ภรรยาเหมือนนาย หมายถึง ภรรยาที่เห็นสามีด้อยกว่าตัว ดูถูกเหยียดหยามสามี ภรรยาประเภทนี้ภูมิอกภูมิใจที่แสดงให้คนอื่นเห็นว่าสามีอยู่ในกำมือของตน นี้ก็ภรรยาผลาญอีกประเภทหนึ่ง ประเภทแรกผลาญชีวิตร่างกาย ประเภทที่สองผลาญทรัพย์ ประเภทที่สามผลาญศักดิ์ศรี ไม่ได้ความพอกัน
ภรรยาเหมือนแม่ น่ารักไปอีกแบบหนึ่ง เธอจะรักเอ็นดูสามีเหมือนคุณแม่รักลูก จะคอยดูแลสามีด้วยความเป็นห่วงเป็นใยสารพัด ภรรยาประเภทนี้จะไม่ทอดทิ้งสามีไม่ว่ากรณีใดๆ
ภรรยาเหมือนน้องสาว ความรักระหว่างพี่น้องเป็นความรักที่ยั่งยืนรองมาจากความรักของพ่อแม่ แต่ก็มีลุ่มๆ ดอนๆ อาจขัดใจกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ตัดกันไม่ขาด ใครมีภรรยาประเภทนี้นึกเสียว่าเลี้ยงน้องไว้คนหนึ่งก็แล้วกัน ถึงทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ก็ตัดไม่ตายขายไม่ขาดดอก
ภรรยาเหมือนเพื่อน ภรรยาประเภทนี้เป็นเสมือนเพื่อนที่ถูกคอกันดี ให้เกียรติกันและกันฉันเพื่อนสนิท มีอะไรปรึกษาหารือกัน มีรสนิยมเหมือนกัน เคยเห็นสามีภรรยาประเภทนี้เป็นครูช่วยกันตรวจการบ้านเด็ก บางคู่เป็นนักเขียนเหมือนกันช่วยกันเขียนเรื่อง ช่วยกันเกลาสำนวนของกันและกัน น่าอิจฉาจัง
ภรรยาเหมือนทาสี ลดฐานะของตัวลงเป็นคนใช้ ยอมรับใช้ทุกอย่าง ยอมให้สับโขก เพราะรักตัวเดียวนี่แหละ ภรรยาบางคนได้คู่เป็นปีศาจสุรา ต้องวิ่งซื้อน้ำแข็งโซดา ทำกับแกล้มให้พ่อเจ้าประคุณมือเป็นระวิง น่าสงสารจัง
ภรรยาทั้ง 7 ประเภทนี้ ผู้อ่านคงบอกได้ว่า ประเภทไหนดี ประเภทไหนเลว แต่ไม่ว่าจะได้ภรรยาประเภทไหน สามีควรสงเคราะห์เลี้ยงดู 5 สถานดังนี้คือ ให้เกียรติยกย่อง, ไม่ดูหมิ่น, ไม่นอกใจ, ยกความเป็นใหญ่ในบ้านให้ และซื้อหาเครื่องประดับตกแต่งให้ตามกาลเวลาอันเหมาะสม ทำได้ตามนี้นับว่าเป็นสามีในอุดมคติแล้ว
อ้อ! ที่ว่ายกย่องและมอบความเป็นใหญ่ให้นั้น มิใช่มอบความเป็น "ภรรยาหลวง" ให้นะครับ อย่าเข้าใจผิด
วันที่ 05 เมษายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11348 มติชนรายวัน
หน้า 6
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment